ซ่อมโช๊คอัพ

ซ่อมโช๊คอัพ

ซ่อมโช๊คอัพ คือการซ่อม แต่ก็มีหลายกรณีที่”ผู้เชี่ยวชาญสามารถยกเครื่อง” ขึ้นอยู่กับรุ่น อย่างแรกเลย ควรจะมีการเก็บเกี่ยวเพียงแค่ถามว่าโช๊คหลังสามารถยกเครื่องได้หรือไม่

ซ่อมโช๊คอัพ

MK Plus Auto มีบริการดูแล ตรวจสอบระบบโช๊คอัพ

ว่ามีการรั่วซึม หรือเสื่อมสภาพแล้วหรือไม่ และสามารถ ให้คำแนะนำในการเลือกเปลี่ยนโช๊คอัพเพื่อรักษาระบบช่วงล่างของรถยนต์ให้เป็นปกติตามเดิม เมื่อเปลี่ยน โช๊คอัพใหม่ย่อมส่งมอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น การทรงตัวของและการควบคุม รถยนต์ดีขึ้น ร่นระยะเบรกให้สั้นลง และเพื่อความนุ่มสบายในการขับขี่ทั้งคุณและผู้โดยสาร

MK Plus Auto มีบริการตรวจสอบผ้าเบรกและระบบเบรก

การนำรถเข้าตรวจหรือเช็คผ้าเบรกนั้นจำเป็น ซึ่งควรเข้าเช็คทุกๆ 20,000 กม. หรืออย่างน้อยปีละครั้ง ช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่ MK Plus Auto จะตรวจสอบระบบเบรกเบื้องต้นว่ายังสามารถทำงานได้ดี ตรวจหาว่ามีการสึกหรอหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบ ปัญหาต่างๆ และสามารถให้คำแนะนำที่อิงจากคำแนะนำของโรงงานผู้ผลิตรถยนต์แต่ละยี่ห้อ รวมทั้งตรวจสอบ ส่วนประกอบของชุดผ้าเบรกที่ส่งผลต่อการประสิทธิภาพการทำงานของการเบรก

วิธีซ่อมโช๊คหลังที่เกิดความเสียหายจากการใช้งาน

หากการทำงานและการตอบสนองของโช้คหลังไม่ดีพอ ไม่เพียงแต่คุณจะไม่สามารถวิ่งได้อย่างสบาย แต่ยังอาจต้องแปลกใจในบางครั้ง โช้คหลังสำหรับรุ่นเก่ามักจะปล่อยก๊าซไนโตรเจน และถึงแม้จะปรับแดมปิ้ง บาก ก็ยังมีหลายกรณีที่ไม่สามารถสัมผัสความแตกต่างเชิงเส้นได้ตามที่คาดไว้ แม้จะมีโช้คหลังแท้ของผู้ผลิต แต่ก็มีหลายกรณีที่”ผู้เชี่ยวชาญสามารถยกเครื่อง” ขึ้นอยู่กับรุ่น อย่างแรกเลย ควรจะมีการเก็บเกี่ยวเพียงแค่ถามว่าโช๊คหลังสามารถยกเครื่องได้หรือไม่

“เมื่อเข้าใกล้รุ่นยุค 90 มากขึ้น แม้แต่โช้คหลังแบบปกติของรถเพื่อการพาณิชย์ก็มีประสิทธิภาพดีขึ้น และมีบางกรณีที่โครงสร้างภายในไม่แตกต่างกันมากจากโช้คหลังในปัจจุบัน” ช่างเทคนิคผู้ขอให้ยกเครื่องกล่าว . พนักงาน. เริ่มแยกชิ้นส่วนชุดกันกระแทกด้านหลังโดยใช้เครื่องมือถอดแยกชิ้นส่วนพิเศษ

ถอดแยกชิ้นส่วนโดยไม่ทำลายชุดผสมการทำความสะอาดภายใน

หลังจากทำให้ตัวแดมเปอร์เป็นยูนิตเดียวกับสปริงคอมเพรสเซอร์แล้ว ให้แก้ไขก้านแดมเปอร์และถอดชิ้นส่วนที่ยึดด้านบนและตัวบอดี้ เปลี่ยนซีลน้ำมันและโอริงด้วยชิ้นส่วนใหม่ แต่ทำความสะอาดและตรวจสอบชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับแดมเปอร์ทั้งหมด เมื่อแกนแดมเปอร์ไม่สามารถใช้ซ้ำได้เนื่องจากเกิดสนิม สามารถสร้างใหม่ได้ด้วยการชุบฮาร์ดโครมรีไซเคิล ยางกันกระแทกแตกและหายไป แต่มันก็เป็นเช่นนี้ก่อนที่มันจะแตก คุณวางใจได้ว่า Technics ได้เตรียมยางกันกระแทกสำหรับแท่งขนาดต่างๆ

เปลี่ยนชิ้นส่วนที่ไม่นำกลับมาใช้ใหม่ด้วยชิ้นส่วนใหม่

ชิ้นส่วนภายในจำนวนมากถูกแทนที่ด้วยโช้คหลังนี้ แน่นอน ซีลน้ำมันทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนใหม่ ค่าธรรมเนียมการยกเครื่องจะแตกต่างกันไปตามรุ่น โปรดดูที่เว็บไซต์ของบริษัท

ส่งเทคนิคจากทั่วประเทศด้วยการร้องขอการยกเครื่องช่วงล่างจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาลของจักรยานหรือฤดูกาลแข่งขัน นอกจากรอให้โช้คหลังทำงานแล้ว ยังมีโช้คหน้าจำนวนมากที่รอการถอดประกอบ เป็นเวิร์กช็อปของช่างฝีมือที่เชื่อถือได้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านระบบกันสะเทือน

ตรวจสอบและทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนเริ่มประกอบ ฉีดน้ำมันแดมเปอร์ในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปในตัวแดมเปอร์และถังสำรอง ผู้ใช้จำนวนมากใช้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำ เนื่องจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมีความสำคัญต่อการรักษาสมรรถนะของช่วงล่าง

ความชำนาญในขั้นตอนการประกอบต่างๆ

แทนที่จะรวมลูกสูบและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องที่ประกอบเข้ากับก้านแดมเปอร์เข้ากับตัวถังตามที่เป็นอยู่ ก้านแดมเปอร์และชุดลูกสูบที่ประกอบแล้วจะถูกแช่ในเหยือกน้ำมันชั่วขณะหนึ่ง และในขั้นตอนนั้น อากาศเดี่ยวจะมีเลือดออกอย่างแข็งขัน การติดตั้งที่สำคัญเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศจากการประกอบที่ราบรื่น แดมเปอร์ยูนิตที่มีการระบายอากาศก่อนอากาศจะถูกแทรกเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว อย่าดันเข้าไปในตัวแดมเปอร์จนสุด แต่ให้ไล่ลมรอบส่วนบนทันทีหลังจากใส่เข้าไป จะทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เติมน้ำมันถังสำรอง

ใส่ชุดก้านแดมเปอร์เข้าไปในตัวเครื่อง และหลังจากไล่ลมเสร็จแล้ว ให้ดันหัวซีลเข้าไปในตัวเครื่องแล้วยึดด้วยแหวนล็อก หลังจากปรับความสูงของลูกสูบของถังย่อยและยึดฝาแล้ว ก๊าซไนโตรเจนจะถูกเติมเข้าไป ฝาถังย่อยนี้ไม่ใช่แบบวาล์ว แต่เป็นปลายยาง ดังนั้นก๊าซไนโตรเจนจึงถูกเติมด้วยเครื่องมือรูปทรงเข็มพิเศษ ระดับแรงผลักของแดมเปอร์ได้รับการยืนยันขณะเปลี่ยนแดมเปอร์

ขอทาสีสปริงด้วยพาวเดอร์โค้ท การเคลือบผงเป็นวิธีการทาสีโดยผงโรยด้วยปืนพิเศษจะหลอมละลายที่อุณหภูมิสูงและสร้างฟิล์มเคลือบ การเคลือบผงประสิทธิภาพสูงยังทนทานต่อหินน้ำผึ้งได้ดีเยี่ยมอีกด้วย

ชุดโช้คหลังที่เสร็จสมบูรณ์มีความรู้สึกพิเศษที่แข็งแกร่งที่ไม่เคยดูเหมือนชิ้นส่วนของแท้ คุณสามารถตกแต่งสปริงด้วยสีที่คุณชื่นชอบหรือสีดั้งเดิม และด้วยการใช้การชุบผิวที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการเลื่อนเข้ากับร่างกาย คุณสามารถเปลี่ยนสปริงให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษได้อย่างสมบูรณ์ มันแตกต่างกันมากจากปกติ

มีรถใช่ไหม? งั้นก็มี 10 ข้อที่ต้องรู้!!

 ปัจจุบันการซื้อรถยนต์มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีผู้ใช้แค่บางกลุ่มเท่านั้นที่จะคำนึงถึงการบำรุงรักษารถยนต์อย่างถูกต้อง ซึ่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆนั้นมีชิ้นส่วนประกอบต่างๆกว่า 75,000 ชิ้น และความผิดปกติของชิ้นส่วนเพียงชิ้นเดียวก็อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ การบำรุงรักษารถของคุณด้วยวิธีที่เหมาะสมสามารถที่จะยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยในขณะขับขี่ ยืดอายุการใช้งานของรถ และยังจะช่วยให้ได้ราคาขายต่อสูงหากต้องการขายต่อในอนาคต

1. วางแผนในการซ่อมบำรุง

แรกเริ่มที่สุดคือการวางแผนในการซ่อมบำรุงพวกระบบยางรถยนต์, น้ำมันเครื่อง, ระบบเบรค, ห้องโดยสารและวัสดุภายใน ของเหลวต่างๆ วางแผนของคุณซะสำหรับการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆของรถคุณ

2. ยาง

ตรวจเช็คให้มั่นใจว่ายางรถยนต์ของคุณมีขนาดที่เหมาะสมและมีแรงดันลมยางที่เหมาะสมตามมาตรฐานจากโรงงานผลิต ควรจะเปลี่ยนยางเมื่อยางสึกหรอถึงจนตำแหน่งที่มีสัญลักษณ์แสดงการสึกหรอ เพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้นอาจถามผู้ให้บริการเรื่องยางถึงความสึกหรอของยาง อุปกรณ์วัดแรงดันลมยางเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ราคาไม่แพงและใช้งานได้ง่าย หมั่นตรวจเช็คลมยางของรถและตรวจดูรอยตำหนิหรือรอยชำรุดต่างๆของยางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในขณะขับขี่ได้ และให้เปลี่ยนทันทีที่ยางเสื่อมสภาพหรือเกิดความผิดปกติขึ้นเกินข้อจำกัดที่จะรับได้

3. น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงสำหรับรถยนต์ ถ้าไม่มีน้ำมันเครื่องรถยนต์ก็ไม่สามารถใช้งานในส่วนอื่นๆได้อีก หากไม่มีความรู้เรื่องนี้ควรเรียนรู้วิธีการตรวจสอบน้ำมันเครื่องอย่างถูกวิธีจากช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ และควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างน้อยทุก 5,000 กิโลเมตร แม้ว่าทางผู้ผลิตน้ำมันเครื่องจะอ้างว่าน้ำมันเครื่องนั้นสามารถใช้ได้มากกว่า 10,000 กิโลเมตร แต่โดยทั่วไปแล้วน้ำมันเครื่องจะใช้ได้และเต็มประสิทธิภาพที่สุดสำหรับเครื่องยนต์ที่ 8,000 กิโลเมตร ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่องเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อครบกำหนด

4. กระจก

กระจกข้าง กระจกมองหลัง หรือโคมไฟของรถต้องสะอาดและไม่แตกหัก ถ้าหากมีการแตกหักหรือชำรุดให้รีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ให้เร็วที่สุด อาจนำรถเข้าไปซ่อมแซมได้ตามศูนย์ซ่อมต่างๆ หรือต้องรีบเปลี่ยนทันทีหากจำเป็น เพราะฉะนั้นให้หมั่นตรวจเช็คกระจกรถของคุณเสมอ

สำหรับการขับรถควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าไม่ให้ใกล้เกินไป เพราะอาจมีเศษวัสดุจากการบรรทุกกระเด็นหรือเศษวัตถุต่างๆที่หลวมแล้วกระเด็นออกมา แม้จะเป็นเศษหินที่มีขนาดเล็กแต่ก็สามารถที่จะทำให้กระจกรถของคุณเสียหายหนักได้

5. ระบบเบรค, สายพาน และแบตเตอรี่

ระบบเบรคของรถยนต์รุ่นใหม่ๆนั้นได้รับการออกแบบให้ต้องเปลี่ยนเป็นระยะ เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดได้ตลอดเวลา ถ้าหากเกิดปัญหาหรือความผิดปกติใดขึ้นกับเบรคให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คทันที ซึ่งถ้าหากระบบทำงานผิดพลาด หมายความว่าคุณกำลังตกอยู่ในความอันตรายอย่างยิ่งในขณะใช้รถ

ตรวจเช็คสายพานอย่างสม่ำเสมอถึงความสึกหรอหรือความหย่อนยานของสายพาน สายพานเมื่อยานเกินไปมักจะมีเสียงดัง ควรนำรถเข้าตรวจเช็คทันที่เมื่อได้ยินเสียงดังกลาว

ตรวจเช็คแบตเตอรี่อย่างน้อยเดือนละครั้งสำหรับการกัดกร่อนที่ขั้วของแบตเตอรี่ ปริมาณน้ำกลั่นในแบตให้มีปริมาณน้ำกลั่นไม่ต่ำกว่าแถบแสดงระดับต่ำ(สำหรับรุ่นที่ต้องเติมน้ำกลั่น) พร้อมทั้งทำความสะอาดด้วยตามความจำเป็น พยายามอย่าใช้ไฟในแบตเตอรี่จนหมด แม้ว่าจะสามารถประจุไฟใหม่ได้ด้วยการพ่วงแบตเตอรี่แต่ก็ไม่แนะนำ และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ให้ระวังที่การใส่สายไฟที่ขั้วของแบตเตอรี่ ต้องใส่ให้ถูกขั้วทุกครั้ง

6. ห้องโดยสารและวัสดุภายใน

ทำความสะอาดและดูดฝุ่นตามห้องโดยสารภายในให้สะอาด สภาพโดยรวมของวัสดุและห้องโดยสารภายในเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากในการประเมินราคาสำหรับขายรถต่อ เพราะคนส่วนมากไม่ได้สนใจมากเกี่ยวกับสิ่งอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่น ยางหรือเครื่องยนต์ แต่ถ้าหากว่าเครื่องเสียงใช้งานไม่ได้หรือว่าสภาพห้องโดยสารภายในนั้นสกปรก การประเมินราคาตกลงอย่างมาก หรือจะบอกอีกทางก็คือการพิจารณามูลค่าในการขายรถยนต์ จะพิจารณาจากลักษณะภายในห้องโดยสารเป็นหลัก ถ้าหากคุณต้องการจะขายรถต่อในราคาที่ไม่ตกมากนั้น การใช้เงินสำหรับค่าล้างรถ ดูดฝุ่น และเคลือบหรือขัดเงาตามวัสดุต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าเมื่อจะนำรถไปประเมินราคาขายต่อ

7. ของเหลวต่างๆ

นอกจากน้ำมันเครื่องที่เปรียบเสมือนเลือดสำหรับหล่อเลี้ยงรถยนต์แล้ว ของเหลวต่างๆที่ใช้อยู่ภายในรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน น้ำยาหล่อเย็น, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย, น้ำมันเบรก หรือของเหลวอื่นๆ ควรจะได้รับการตรวจเช็คให้อยู่เหนือกว่าระดับต่ำสุดอย่างน้อยๆสัปดาห์ละครั้ง และเปลี่ยนถ่ายเมื่อครบกำหนด สำหรับวิธีในการตรวจเช็คอาจเรียนรู้ได้จากช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ

8. ระบบไฟ

คุณควรตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างของรถคุณโดยใช้สถานที่ที่คุณสามารถจอดรถและเห็นเงาสะท้อนของรถคุณได้อย่างชัดเจน หรือหาผู้ช่วยสักคนเพื่อเดินรอบรถของคุณขณะที่คุณทำการทดสอบเปิดการทำงานของระบบไฟส่องสว่าง ไฟท้าย ไฟถอยหลัง และไฟเลี้ยวของรถคุณ

ระบบไฟส่องสว่างควรจะโฟกัสไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ทิศทางของลำแสงที่ออกจากโคมไฟหน้าจะต้องพุ่งไปด้านหน้าและเป็นมุมที่โฟกัสตกลงบนพื้นถนน จะต้องไม่พุ่งขึ้นฟ้าหรือแค่พุ่งเข้าตรงกลาง ซึ่งคุณสามารถที่จะสังเกตทิศทางลำแสงของรถคุณได้จากการขับรถในตอนกลางคืน ซึ่งหากทิศทางของลำแสงนั้นพุ่งสูงเกินไปก็อาจจะไปแยงตาของผู้ที่ขับขี่สวนมาทำให้เกิดอันตรายได้ หรือถ้าหากทิศทางลำแสงนั้นต่ำเกินไป ก็จะเป็นการจำกัดระยะมองเห็นในการขับขี่ของคุณ ทำให้การทัศนวิสัยในการใช้รถตอนกลางคืนเป็นไปได้อย่างยากลำบากและอันตราย

9. ที่ปัดน้ำฝน

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนด้วยตัวเอง เพียงแค่ปีละครั้งก่อนฤดูฝน หรือจะเปลี่ยนชุดประกอบทั้งหมดของที่ปัดน้ำฝนก็ได้ถ้าหากจำเป็น และหากคุณขับรถบ่อยในสถานที่ที่มีสภาพเปียกชื้น คุณอาจต้องใช้น้ำยาสำหรับรักษากระจกเพิ่มเติมเพื่อถนอมสภาพของกระจกหน้ารถของคุณ

10. ระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย

ขึ้นกับมาตรฐานการปล่อยไอเสียของแต่ละประเทศ บางประเทศอาจมีการตรวจการปล่อยไอเสียเป็นระยะๆด้วย โดยผู้เชียวชาญจะต้องทำการวินิจฉัยเซ็นเซอร์ออกซิเจนและวาล์ว EGR สำหรับคำนวณการปล่อยไอเสีย ซึ่งทั้งเซ็นเซอร์และวาล์ว EGR เป็นส่วนที่หากทำงานผิดปกติแล้วจะมีผลต่อการปล่อยไอเสีย

Call Now Button